นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์ฯ เข้าเจรจา นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เรียกร้องให้รัฐบาล ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 25 บาทต่อลิตร ลดภาษีสรรพสามิตลง 5 บาทต่อลิตร ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนพลังงาน เป็นระยะเวลา 1 ปี
วันที่ 18 ตุลาคม 2564 เวลา 14:30 น. สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยนำโดย นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์ฯ พร้อมคณะกรรมการบริหาร 10 สมาคมขนส่งฯ ทั่วประเทศ เข้าเจรจา กับ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เรียกร้องให้รัฐบาล ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 25 บาทต่อลิตร ลดภาษีสรรพสามิตลง 5 บาทต่อลิตร ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนพลังงาน เป็นระยะเวลา 1 ปี
หลังจากได้เกิดกระแสและการพูดถึงในสื่อโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก วันนี้รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน จึงได้ขอเจรจาพูดคุยกับกลุ่มขนส่งและภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากวิกฤตราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นสูง
หลังจากที่กลุ่มขนส่งทั่วประเทศ ได้ออกมาแสดงพลังเรียกร้อง เรื่องราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นสูงสวนทางกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทย จึงจัดกิจกรรมแสดงพลังถึงผลกระทบราคาน้ำมันเเพง ในชื่อ TRUCK POWER ในวันที่ 19 ตุลาคม 2564 นี้ โดยในกิจกรรมดังกล่าวจะมีกลุ่มขนส่งทั่วประเทศรวมตัวแสดงพลังพร้อมกันทั่วประเทศ
นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์ฯ กล่าวว่า การจัดกิจกรรม ‘Truck Power’ ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการประท้วง แต่เป็นการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลระดับราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ไม่เกิน 25 บาท/ลิตร โดยการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาท/ลิตร ซึ่งราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลงนั้น จะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งสินค้าที่จะสะท้อนไปยังราคาสินค้า และลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนในภาพรวม
รัฐบาล โดยกระทรวงพลังงาน ควรลดสูตรน้ำมันดีเซลให้เหลือเพียงสูตรเดียว จากปัจจุบันที่มีทั้งดีเซลบี 10 ดีเซลบี 20 และดีเซลบี 6 เป็นต้น และหากเป็นไปได้ควรลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล 100 ในน้ำมันดีเซลลง เนื่องจากไบโอดีเซลที่ราคาสูงถึง 40 บาท/ลิตรนั้น เมื่อนำมาผสมในน้ำมันดีเซล จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลมีราคาแพงขึ้น ขณะที่ปัจจุบันราคาดีเซลได้เพิ่มขึ้นเป็น 29 บาท/ลิตร แพงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดหรือต้นปี 2563 ที่มีราคา 26 บาท/ลิตร นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์ฯ ได้กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับกิจกรรม ‘Truck Power’ เป็นการรวมพลังรถบรรทุก จัดเป็นคาราวานสิบล้อวิ่งไปยังบนถนนสายหลักๆ ในภาคเหนือ ใต้ อีสาน ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก จำนวน 5 เส้นทาง รวม 7 จุด ได้แก่
เส้นทางที่ 1 ถนนพระรามสองเชื่อมต่อกาญจนาภิเษก (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ)
จุดที่ 1 เริ่มจาก อ.เมืองจ.ราชบุรี แล้ววิ่งไปที่แยกปากท่อ ,จ.สมุทรสงคราม ,จ.สมุทรสาคร ,ถ.กาญจนาภิเษก (ด่านทางด่วนศรีรัช) , ถนนบรมราชชนนี และ จ.นครปฐม ก่อนวนกลับที่ตั้ง
เส้นทางที่ 2 ถนนบรมราชชนนี ถนนกาญจนาภิเษก
จุดที่ 2 เริ่มจากสถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย5 ไปถนนกาญจนาภิเษก ,ข้ามสะพานเดอะมอลล์บางแค ,ยูเทิร์นพุทธมณฑลสาย 6 และวนกลับที่ตั้ง
เส้นทางที่ 3 ถนนสายเอเชียเชื่อมต่อบางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา(ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ)
จุดที่ 3 เริ่มจาก สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย แล้ววิ่งไปสี่แยกพยุหะคีรี , สี่แยกชัยนาท ,จุดบริการทางหลวง (บ้านตึก) และจุดบริการทางหลวง (พรหมบุรี)
จุดที่ 4 เริ่มจาก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี วิ่งไป อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
เส้นทางที่ 4 ถนนบางนาตราด เชื่อมต่อกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตก (บางพลี) จ.สมุทรปราการ (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ)
จุดที่ 5 เริ่มจาก ท่าสะอ้าน บางนา กม.46 วิ่งไปบางปะกง ,บางพลี ,บางเสาธง ,บางพลีน้อย ,บางโฉลง , บางนา-ตราด กม.8
เส้นทางที่ 5 ถนนสุขุมวิท อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เชื่อมต่อ ถนนหมายเลข 7 มอเตอร์เวย์ แหลมฉบัง (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ)
จุดที่ 6 เริ่มจาก ท่าเรือแหลมฉบัง ประตู 2 วิ่งไป อ.ศรีราชา , อ.อ่าวอุดม แล้ววนกลับที่ตั้งเส้นทางที่ 6 ถนนรอบเมือง จ.อุบลราชธานี
จุดที่ 7 เริ่มจาก ลานจอดรถ บจก.เนรมิต โลจิสติกส์ วิ่งไปสี่แยกกันทรลักษ์ ,อ.วารินชําราบ ,อ.เมือง จ.อุบลราชธานี สี่แยกวนารมย์ และวนกลับที่ตั้ง
ทั้งนี้ สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว และขออภัยในความไม่สะดวก ณ ที่นี้ ขณะที่การจัดกิจกรรมจะสิ้นสุดลงในเวลาประมาณ 14.00 น
# สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย
# คนรักสิบล้อ