นับตั้งแต่เกิดอุทกภัยเมื่อปี พ.ศ. 2554 จนมาถึงปี พ.ศ. 2564 ซึ่งปีนี้อุทกภัยรุนแรงมาก เกิดน้ำท่วมหลายจังหวัดทางภาคกลาง อาทิ จังหวัดเพชรบุรณ์ ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดชัยภุมิ โคราช ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ้ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี แต่อาจจะไม่หนักเท่าเหมือนปี 2554 ที่ท่วมกรุงเทพฯ แต่ก็ยัง ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากมายแก่ราษฎร ทั้งทรัพย์สิน ไร่นา พืชผลทางการเกษตร
พลเอก พิจิตร กุลละวณิชย์ อดีตองคมนตรีในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นประธานโครงการบริษัท อุตสาหกรรมการเกษตรเขาค้อ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นายทหารนักรบพระราชากู้แผ่นดิน ได้มอบหมายให้ พันตำรวจเอก สุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) นายตำรวจประจำตัวท่าน เป็นตัวแทนนำเสนอภาครัฐทุกภาคส่วน ในการน้อมนำแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) ในเรื่องการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำหลากและน้ำแล้ง ไม่ว่าจะเป็นโครงการแก้มลิง ฝายแม้ว ชลอการไหลของน้ำฝน แหล่งพักน้ำหลากจากพายุ ทำอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กไว้ทุกๆ ตำบล ทุกๆ หมู่บ้าน โครงการแม่น้ำเจ้าพระยาสายที่ 2 โครงการป่ารักน้ำ โครงการโคกหนองนา หากเริ่มทำโครงการเหล่านี้ได้ทันที ก็จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้เดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนปีหน้า นอกจากนี้แล้วยังได้ที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตรยามน้ำแล้งได้อีกด้วย
กระผม พันตำรวจเอก สุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) เชื่อในสายพระเนตรอันยาวไกล ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของทุกๆ พระองค์ว่า “ครั้งนี้จะสามารถดับความทุกข์ ลดความเดือดร้อนลำเข็ญแสนเข็ญได้ ให้ราษฎรของพระองค์ท่านอยู่อย่างเป็นสุข ปราศจากความเดือดร้อนทั่วประเทศ และขอให้กำลังใจภาครัฐ ภาคเอกชน เหล่าศิลปินดารา องค์มูลนิธิ ทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประชาชนทุกๆ ครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ให้ผ่านไปด้วยดี ด้วยพระบารมีของทุกๆ พระองค์ และที่สำคัญคือความรักความสามัคคีของพสกนิกรชาวไทยทั้งแผ่นดิน