ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 13 ม.ค. 65 เวลา 09.00 – 14.00 น. สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญฯ ของสมาชิกประมงทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล โดยได้เชิญ พล.ต.ท.สุรเชษษฐ์ หักพาล ผช.ผู้บัญชาการ ตร. ในฐานะประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย , พล.ร.ต. ชำนาญ พงษ์เพชร ผู้แทน ศรชล. } นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง และ นายประสาน หวังรัตนปราณี (ฝ่ายกฎหมาย) ผช.รมต. ประจำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุสรรณ
โดยช่วงเช้าก่อนที่ พล.ต.ท.สุรเชษษฐ์ หักพาล จะเดินทางมาถึง ได้มีกลุ่มของชาวประมง จ.ชุมพร เดินทางเพื่อมาเรียกร้องขอความเห็นใจจากกรมประมง โดยนายพิจิต แซ่ลี้ 55 ปี นายกสมาคมร่วมใจปากน้ำชุมพร เป็นแกนนำคัดค้านกฎหมายประมง มาตรา 3.2.3 เกี่ยวกับเรืออวนครอบปลากะตัก ต่อรองอธิบดีกรมประมง นายบัญชา สุขแก้ว ซึ่งแต่เดิมสามารถขอใบอนุญาตครอบหมึกได้ด้วย แต่ปัจจุบันจะไม่สามารถขอใบอนุญาตครอบหมึกได้ จึงอยากจะขอให้กลับมาใช้เครื่องมืออวนครอบหมึกได้เหมือนเดิม
ในที่ประชุม นายมงคล สุขเจริญคณา ที่ปรึกษากิตติมาศักดิ์สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ได้ยื่นเอกสารจุดเริ่มต้นของปัญหาประมงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา ว่าการออกกฎหมายต่างๆของทางกรมประมง และทางภาครัฐ มีการบังคับใช้กฎหมายและโทษปรับที่รุนแรงโดยมีการให้ข้อมูลผิดๆกับทางผู้มีอำนาจทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างมาก
นายสุรินทร์ โลสงค์ ที่ปรึกษาสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย อดีตนายกสมาคมประมงระนอง ฝากทวงสัญญาไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่เดือน พฤษพาคม พ.ศ. 2563 ที่ท่านได้รับปากจะแก้ไขปัญหาประมง ซึ่งปัจจุบันนนี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ทางด้านนายประสาน หวังรัตนปราณี (ฝ่ายกฎหมาย) ผช.รมต. ประจำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุสรรณ ได้กล่าวในที่ประชุมว่าได้พยายามช่วยแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งได้กล่าวขออภัยหากทำให้ชาวประมงต้องเกิดความเข้าใจผิด หากเรื่องไหนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อชาวประมง ตนก็ยินดีที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว ซึ่งเรื่องไหนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขก็ฝากทางสมาคมฯ แจ้งกลับมาให้ตนทราบด้วย เรื่องไหนที่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ตนก็จะลงไปเอง
ทางด้าน พล.ต.ท.สุรเชษษฐ์ ฯ กล่าวว่า วันนี้ตนตั้งใจมารับฟังปัญหาทั้งหมด ข้อขัดข้อง ที่จะนำไปสู่ประมงยั่งยืนได้ สิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนคือเรื่องข้อกฎหมายที่เหลื่อมล้ำของชาวประมง จะกลับไปดูรายละเอียด และจะใช้หลักรัฐศาสตร์ ควบคู่หลักนิติศาสตร์ด้วย โดยจะใช้วิธีการเจรจาควบคู่กับกฎหมาย เรื่องไหนที่แนะนำตักเตือนได้ก็จะแนะนำกันไปชาวประมงไม่ต้องกังวลใจ มองว่าชาวประมงไม่ใช่ผู้ร้าย ชาวประมงคืออุตสาหกรรมหลักของประเทศจะต้องนำรายได้เข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งอยู่ในกรอบของกฎหมาย และจากการตรวจสอบเรือที่ปิดสัญญาณ VMS ในจำนวน 620 ลำ ได้ทำการตรวจสอบหมดแล้ว มีเพียง 1 ลำ ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งที่เหลือ 99 เปอร์เซ็นทำถูกต้องทั้งหมด ซึ่งตรงไหนที่เป็นปัญหาจะนำไปพิจารณากับกรมประมงและผู้ประกอบอาชะประมงด้วย เพื่อหาจุดที่ลงตัวภายใต้กรอบของกฎหมายหลัก
พญาราหู พิราบข่าว 03 /สมุทรสาคร