สถาบันการสร้างชาติ เสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดแพร่ มุ่งสร้างเมืองแพร่เป็น ‘เมืองในป่า’บูรณาการกับการท่องเที่ยว อาหาร สุขสภาพ และการดูแลผู้สูงวัย เพื่อสร้างจุดขายให้เมืองแพร่เป็นจุดหมายที่ผู้คนทั่วโลกอยากเข้ามาทำงานและใช้ชีวิต
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2565 เวลา 10:00 น. ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร่ ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ บรรยายพิเศษ เรื่อง ‘การพัฒนาจังหวัดแพร่เพื่อการสร้างชาติ’ โดยมีนายสมหวัง พ่วงบางโพธิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวเปิดการสัมมนา นายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ กล่าวต้อนรับ มีพระโกศัยเจติยารักษ์ ดร.รองเจ้าคณะจังหวัดแพร่และเจ้าอาวาสวัดพระธาตุช่อแฮ หัวหน้าส่วนราชการและประชาชนที่สนใจร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
โดยประธานสถาบันการสร้างชาติได้หยิบยกบทวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของเมืองแพร่ ที่เป็นเมือง “จน แก่ เจ็บ พิการ” จากการที่แพร่มีเศรษฐกิจขนาดเล็ก ผลผลิตในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมมีมูลค่าเพิ่มต่ำ และมีนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวน้อย ด้วยกิจกรรมเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้คนหนุ่มสาวย้ายออกไปทำงานในจังหวัดอื่น ส่งผลทำให้แพร่มีสัดส่วนคนชราสูงติดอันดับ 4 ของประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น คนแพร่ยังมีปัญหาด้านสุขสภาพ (Wellness) โดยมีอัตราการตายต่อประชากรสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และมีสัดส่วนคนพิการสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ประชากรในจังหวัดแพร่จึงลดลงต่อเนื่องโดยเฉลี่ยปีละ 5 พันคนในการหยุดยั้งปัญหาดังกล่าว
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้เสนอวิสัยทัศน์การพัฒนาจังหวัดแพร่ให้เป็น “เมืองในป่า” โดยบูรณาการเศรษฐกิจป่า กับ การท่องเที่ยว อาหาร สุขสภาพ และการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นจุดแกร่งของประเทศไทย เพื่อดึงดูดผู้คนทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาอยู่อาศัยและทำงานในจังหวัดแพร่ อาศัยจุดแข็งของแพร่ที่เป็นเมืองเงียบสงบ เป็นธรรมชาติ อากาศดี และยังดำรงวัฒนธรรมวิถีชีวิตดั้งเดิม ประกอบกับค่าครองชีพยังไม่สูง
ประธานสถาบันการสร้างชาติ เสนอให้มีการแก้กฎหมายอนุญาตให้นำพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม มาพัฒนาเป็นเมืองน่าอยู่รูปแบบใหม่ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นป่า ออกแบบระบบให้คนสามารถอยู่กับป่าโดยใช้ประโยชน์ ไม่ทำลาย แต่พัฒนาให้ป่าสมบูรณ์มากขึ้น และตั้งเป้าดึงคนไทยและคนต่างชาติเข้ามาอาศัยเพิ่มขึ้นอย่างน้อยปีละ 5 พันคน เน้นคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องที่จังหวัดแพร่ขาดแคลน และมีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งมีทั้งเงิน ประสบการณ์ และเครือข่าย นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าดึงดูดกลุ่มคนทำงานทางไกลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตให้เข้ามาทำงานและพำนักเป็นระยะเวลา 3-6 เดือนในจังหวัดแพร่ปีละ1 หมื่นคน ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ 2-4 พันล้านบาทต่อปี
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กล่าวถึงการพัฒนาเศรษฐกิจเดิม โดยการยกระดับสินค้าและทุนวัฒนธรรม 7 ประเภท หรือ 7F ได้แก่ Forest (ไม้สัก) Food (อาหาร) Fabric (ผ้าพื้นเมือง) Furniture (เฟอร์นิเจอร์ไม้) Fluid (สุราพื้นบ้าน) Folk (ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและชนเผ่า) และ Fusion (ศิลปวัฒนธรรมนานาชาติ) โดยใช้กระบวนการสร้างแบรนด์ การวิจัยและพัฒนา การออกแบบ การพัฒนาการผลิต การตลาด และการจัดการ รวมทั้งการสร้างเศรษฐกิจใหม่ คือ การส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจผู้สูงวัย (Silver Economy) และเศรษฐกิจจากโครงการระบบขนส่ง เช่น การพัฒนารถไฟท่องเที่ยว การพัฒนาสถานีรถไฟเป็นแลนด์มาร์กใหม่โดยใช้สถาปัตยกรรมนานาชาติ การพัฒนาการแสดงแสง สี เสียงในอุโมงค์รถไฟ เป็นต้น
ประธานสถาบันการสร้างชาติ ยังได้เสนอแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดแพร่ในระยะสั้น โดยการพัฒนาโครงการวิทยาลัยนวัตกรรมการป่าไม้และการเกษตร (มหาวิทยาลัยแม่โจ้เดิม) ให้เป็นเมืองมหาวิทยาลัย ด้วยการออกแบบให้เป็นทั้งสภาบันการศึกษา ต้นแบบเมืองในป่า พื้นที่เศรษฐกิจ แหล่งท่องเที่ยว และแหล่งเรียนรู้ ส่วนแนวทางการขับเคลื่อนของสถาบันการสร้างชาติเริ่มต้นการพัฒนาจากระดับจุลภาค ผ่านโครงการวัดสร้างชาติ ชุมชนสร้างชาติต้นแบบ และโรงเรียนสร้างชาติ และการสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลง ผ่านหลักสูตรนักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ เพื่อสร้างขบวนการขับเคลื่อนจากล่างขึ้นบน ผนวกกับการขับเคลื่อนของภาครัฐกิจจากบนลงล่าง โดยหวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยพลังของคนแพร่ และสร้างต้นแบบและแรงบันดาลใจให้กับจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป