"รมว.พิพัฒน์" นำร่องถนนข้าวสาร จัดโซนนิ่งผับเปิดถึงตี 4 ชง ศบค.ไฟเขียว ก.ย.นี้
วันที่ 17 สิงหาคม 2565 เวลา 19.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา,นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ (รผน.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม นายวสันต์ บุญหมื่นไวย ผอ.เขตพระนคร ตัวแทนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมผู้บริหารกระทรวงต่างๆ
ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแหล่งท่องเที่ยว บริเวณถนนข้าวสาร พร้อมทั้งหารือร่วมกับผู้ประกอบการ ที่ร้านบัดดี้เบียร์ เพื่อเช็คข้อมูลความพร้อมเก็บข้อมูลไปพิจารณาประกอบแนวทางการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงในพื้นที่ควบคุม (โซนนิ่ง) ตามเมืองท่องเที่ยวหลัก ทั่วประเทศ ถึงเวลา 04.00 น. เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และช่วยเอกชน พร้อมนำร่องถนนข้าวสาร เตรียมสรุปชง ศบค. ก.ย.นี้
นายพิพัฒน์ ฯ กล่าวว่าได้คุยเบื้องต้นกับผู้ประกอบการในพื้นที่ถนนข้าวสาร ก็สนับสนุนแนวคิดนี้ แต่สิ่งที่ต้องหารือต่อคือ หากขยายเวลาแล้วจะต้องไม่ส่งเสียงดังรบกวนชุมชนโดยรอบ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องควบคุมให้ดี ไม่ให้เกิดปัญหาการร้องเรียน
ส่วนกรณีที่มีคนมีความเห็นต่าง ก็คงต้องทำความเข้าใจว่า เรื่องนี้จะทำเป็นพื้นที่เฉพาะ และจะทำเมื่อศึกษาดูอย่างรอบคอบแล้วว่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย อย่างในพื้นที่ถนนข้าวสารนั้น ตามเป้าหมายตั้งใจว่าจะเปิดเป็นพื้นที่นำร่องขยายเวลาการให้บริการถึง 04.00 น. จากข้อมูลเบื้องต้น พื้นที่ดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 60-70%
การผลักดันเรื่องนี้ คิดมาอย่างดีแล้ว เมื่อมีโอกาสทำก็จำเป็นต้องทำ ตอนนี้ไม่ใช่เวลากลัว เพราะการจะฟื้นการท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ให้กลับมาขยายตัวได้ มีสิ่งอะไรที่ควรทำก็ต้องทำ และผลักดันออกมา ไม่อย่างนั้นประเทศไทยก็ตามประเทศเพื่อนบ้าน และเศรษฐกิจคงจะเติบโตไม่ทัน
อย่างไรก็ตามการผลักดันเรื่องดังกล่าว ในเบื้องต้นได้มอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้สำรวจความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนให้ชัดเจน ทั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผู้อำนายการเขต ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ประกอบการ หากพื้นที่ไหน หรือจังหวัดใดมีความพร้อม ก็ให้สรุปรายละเอียดมาอีกครั้ง
ทั้งนี้ เราพยายามผลักดันเรื่องดังกล่าวเข้าในที่ประชุม ศบค. ในเดือนกันยายน แต่หากไม่ทันอย่างช้าที่สุดต้องภายในเดือนตุลาคมต้องนำเข้าให้ได้ ซึ่งในระหว่างนี้ตนก็จะลงพื้นที่สำรวจและมอบหมายให้ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยดูแลว่าในพื้นที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็น พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย กระบี่ ว่าในพื้นที่ที่เรากำหนดไว้ส่ามีความพร้อมหรือไม่ ถ้าพร้อมเราก็จะนำเสนอ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ถือกฎหมาย ฉะนั้นเราจะต้องมีการหารือกับกระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง