"อาชีวะย้ายครูไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนวิทยาลัย"
วันนี้ (1ธ.ค.65) นายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรี ประธานเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย(ค.ร.อ.ท.)ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษามีคำสั่งที่1813/2565ลงวันที่ 29 พ.ย 65 ย้ายครูกลางภาคเรียนสร้างความเดือดร้อนให้กับวิทยาลัยอย่างมหันต์โดยผู้บริหารวิทยาลัยหลายแห่งที่ได้รับความเดือดร้อนจากการย้ายตามคำสั่งนี้ได้ร้องถึงความเดือดร้อนที่ได้รับจากการออกคำสั่งครั้งนี้มาที่เครือข่ายฯ(ค.ร.อ.ท.)เพราะเป็นเป็นการย้ายหลังจากเปิดภาคเรียนมาแล้วซึ่งทุกอย่างลงตัวทำให้การจัดการเรียนการสอนเดินหน้าได้อย่างปกติซึ่งแต่ละสถานศึกษาได้จัดตารางสอนจัดครูเรียบร้อย แต่อยู่ๆ สอศ. กลับออกคำสั่งโยกย้ายแต่งตั้งครูจึงทำให้ได้รับผลกระทบอาทิ เช่น บางวิทยาลัยมีข้าราชครูจำนวนจำกัดแต่กลับมาถูกย้ายซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้และกระทบกับผู้เรียนโดยตรงจำเป็นต้องจ้างครูพิเศษสอนทำให้เสียงบประมาณ ขณะที่บางวิทยาลัยได้จ้างครูพิเศษสอนเพราะไม่มีข้าราชการครูเมื่อมีครูย้ายมาก็จำเป็นต้องยกเลิกการจ้างครูพิเศษรายนั้นซึ่งเป็นการทำบาปกับครูพิเศษอีก บางวิทยาลัยมีตารางสอนครบตามเกณฑ์ปกติแต่เมื่อมีครูย้ายไปก็ทำให้ต้องรื้อตารางสอนและคาบสอนไม่เพียงพอตามเกณฑ์สิ่งเหล่านี้
ผู้บริหารส่วนกลางน่าจะรู้ว่าการย้ายระหว่างภาคเรียนมันสร้างผลกระทบทะ้งครูผู้สอนและวิทยาลัยด้วยอีกทั้งหากมีการจ้างครูพิเศษก็จะกระทบกับงบประมาณเป็นอย่างยิ่ง
นายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรี ประธานค.ร.อ.ท. ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นๆเหตุใดผู้บริหารระดับสูงก่อนที่จะพิจารณาการโยกย้ายกลางภาคเรียนเช่นนี้ว่าจะสถานศึกษาหรือนักเรียนได้รับผลกระทบแน่นอน ทั้งที่เหลือเวลาในภาคเรียนนี้อีกไม่ถึง 2-3 เดือนค่อยมีการแต่งตั้งโยกย้ายก็น่าจะสามารถกระทำได้แต่ไม่เลือกที่จะทำ ขณะเดียวกันเมื่อวิทยาลัยที่ได้รับความเดือดร้อนโวยขึ้นมา ก็ทำให้มีผอ.สำนักฯที่รับผิดชอบการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ออกมาแก้ตัวข้างๆคูๆถึงเหตุผลที่มีย้ายครั้งนี้เพราะเป็นความต้องการของครูและดำเนินการตามระเบียบจึงขอให้วิทยาลัยที่ได้รับผลกระทบได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอาเอง ทั้งที่ถ้ามันจำเป็นต้องมีการโยกย้ายจริงถ้าไม่ดำเนินการจะโดนฟ้องร้องหรือผิดกฎหมายก็น่าจะมีเหตุผลเพียงพอที่อ้างได้ว่าการย้ายครั้งนี้ให้ดำเนินการได้หลังจากสิ้นภาคเรียนก็ย่อมกระทำได้หรือถ้าไม่มีการย้ายในระยะนี้ผู้บริหารครูที่ยื่นคำร้องก็คงไม่ฟ้องร้องอาชีวะศึกษาแต่อย่างใดเพราะเข้าใจระบบการบริหารการจัดการเรียนการสอนมาอยู่แล้วและออกมาพูดอย่างหน้าตาเฉยว่าให้สถานศึกษาได้แก้ปัญหาโดยการย้ายครั้งนี้เป็นการส่งเสริมและสร้างขวัญกำลังใจให้ครูผู้สอนแต่ขาดจิตสำนึกเรื่องความรับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยต่างๆ
นายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรี ได้กล่าวอีกว่าในอดีตที่ผ่านมาปัญหาเหล่านี้ก็เกิดขึ้นมาแล้ว ตนได้นำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนก่อนให้ได้กำชับการบริหารสถานศึกษาต้องมุ่งผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อไม่ให้สถานศึกษาได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งโยกย้ายกลางภาคเรียนซึ่งมันต่างกันกับหน่วยงานอื่นที่ไม่มีภาระการเรียนการสอนต้องรับผิดชอบแต่อย่างใดย่อมกระทำได้ และฝากถึงท่านเลขาอาชีวะคนใหม่ซึ่ง ค.ร.อ.ท. ให้กำลังใจเชื่อมั่นว่าท่านมีความตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหาหรือขยะที่ซ่อนอยู่ใต้พรมจำนวนมากและได้พิจารณาแก้ไขการทำหน้าที่ของสำนักต่างๆ แทนที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนการทำงานของวิทยาลัย ซึ่งที่ผ่านมาสำนักต่างๆชอบทำตัวเป็นผู้บังคับบัญชาสั่งงาน
วิทยาลัยฯให้เกิดปัญหาซึ่งไม่น่าจะกระทำได้และต้องแก้ไขโดยด่วน