กรมธนารักษ์ ได้ลงนามสัญญาเช่าที่ราชพัสดุโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา ร่วมกับบริษัท เจ้าพระยาท่าเรือสากล จำกัด เพื่อพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลาบนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สข.1029 และ สข.1030 ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เนื้อที่รวม 78 - 2 - 96.2 ไร่ ซึ่งท่าเรือสงขลา เป็นท่าเรือที่สำคัญของประเทศไทยและภาคใต้ เพื่อใช้ในการนำเข้าและส่งออกสินค้าในทางภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย รวมทั้งเป็นฐานในการขนส่งสินค้าทางน้ำที่สำคัญของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ เพื่อนำเข้า-ส่งออก สินค้าภายในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลาจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการและเพิ่มรายได้ และขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น นอกจากผลดีในภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศที่จะก่อให้เกิดการค้า การลงทุน และสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในจังหวัดสงขลาแล้ว ยังส่งผลดีต่อภาคการเกษตรกรรมอีกด้วย
วันนี้ (3 มีนาคม 2566)
นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์ได้ลงนามสัญญาเช่าที่ราชพัสดุโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา ร่วมกับบริษัท เจ้าพระยาท่าเรือสากล จำกัด ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน (โดยวิธีการอนุญาต) สำหรับโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 โดยบริษัท เจ้าพระยาท่าเรือสากล จำกัด เป็นผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านการประเมินสูงสุด โดยมีรายละเอียดดังนี้
- มูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์ตอบแทน (NPV) จำนวน 1,906.891 ล้านบาท สูงกว่าผลประโยชน์ตอบแทนที่ ครม. ให้ความเห็นชอบในหลักการของโครงการ (26 เมษายน 2554) ตามผลการศึกษาของกรมธนารักษ์ ที่มีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) 1,418.324 ล้านบาท เป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ถึง 488.567 ล้านบาท
- งบลงทุนในการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา (25 ปี) จำนวน 2,387.90 ล้านบาท
- ค่าตอบแทนล่วงหน้า จำนวน 488.88 ล้านบาท
- ค่าตอบแทนรายปีตลอด 25 ปี รวม 2,881.00 ล้านบาท
- ค่าตอบแทนเพิ่มเติม (ร้อยละ 45 ของรายได้ที่เพิ่มขึ้น : เมื่อมีการปรับอัตราค่าภาระของท่าเรือ)
ทั้งนี้ จะสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในจังหวัดสงขลาจากการจ้างงาน ตลอดจนการขนส่งระบบโลจิสติกส์ที่จะขยายตัวในอัตราเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนดังกล่าว นายจำเริญ กล่าวตอนท้าย
#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย