สืบนครบาลจับไม่หยุด !!! รวบรส หนองหญ้าไซ หลอกขายเสื้อผ้า ครีมบำรุงผิวตามกระแสออนไลน์ ผู้เสียหายเพียบ อ้างติดหนี้พนันออนไลน์
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ รวมทั้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก จึงกำหนดให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ ห้วยระหว่างวันที่ 15 ถึง 31 พฤษภาคม 2566 โดยให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลร่วมกันชุด PCT5 ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนพบความเดือดร้อนของประชาชนซึ่งเคยถูกคนร้ายชื่อ น.ส.รส ตัวการในการหลอกขายเสื้อผ้า ชุดนอนวัยรุ่น ครีมบำรุงผิวตามกระแส ครีมกันแดด ลิสติก มีประวัติผู้ร้องเรียนใน blacklistseller.com กว่า 15 ราย มูลค่าความเสียหาย 3 แสนบาท
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. เร่งให้ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกับชุด PCT5 รีบทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพื่อตัดวงจรการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี เนื่องจากตามพฤติการณ์การก่อเหตุชุดสืบสวนเชื่อว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวน่าจะยังคงก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุด ศปอส.ตร.ชุดที่ 5 / PCT5) , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. รอง หน.ชุด ศปอส.ตร.ชุดที่ 5 / PCT5) , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น./เจ้าหน้าที่ชุด ศปอส.ตร.ชุดที่ 5 / PCT5) , พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น./เจ้าหน้าที่ชุด ศปอส.ตร.ชุดที่ 5 / PCT5) ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว
น.ส.พิมพ์นภา หรือรส อินสว่าง อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 8 หมู่ 5 ตำบลทัพหลวง อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี
ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 233/2564 ลงวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2564
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ”
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าร้านขายของชำ เลขที่ 8 หมู่ 5 ตำบลทัพหลวง อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การภาคเสธว่าตนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เริ่มขายสินค้าออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก และ Tik Tok มาตั้งแต่อายุประมาณ 14 ปี โดยใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี “ ชื่อ รส'ส “ , ชื่อบัญชี “ พิมพ์นภา อินสว่าง ” , ชื่อบัญชี “ ເຄ້ກເຄັກ ເຄ້ກເຄັກ ” , ชื่อบัญชี “ มณี รัตน์ ” ใช้ Tik Tok ชื่อบัญชี “ @ros_skincare33 ” สินค้าที่ขายอาทิเช่น เสื้อผ้า ชุดนอนวัยรุ่น ครีมบำรุงผิวตามกระแส ครีมกันแดด ลิสติก จนเมื่อช่วงอายุประมาณ 18 ปี เริ่มติดเล่นเสียพนันออนไลน์ จึงนำเงินที่ได้มาจากยอดการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ของลูกค้าที่สั่งมาเล่นพนันออนไลน์ โดยหวังจะได้เงินคืน แต่กลับยิ่งเสียพนันเพิ่ม จึงเกิดปัญหาไม่สามารถสั่งและส่งของให้ลูกค้าได้ตามคำสั่งซื้อ แต่อ้างว่าได้มีการเจรจากับลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ ไม่ได้หนีหาย เพียงแค่หาเงินมาจ่ายคืนลูกค้าไม่ได้ ทั้งนี้ ตนทราบว่ามีผู้เสียหายซึ่งเคยถูกตนรับเงินมาแต่ไม่ได้ส่งสินค้าให้ตามคำสั่งประมาณ 15 ราย โดยทราบจากชื่อของตนไปปรากฏใน blacklistseller.com ความเสียหายเฉลี่ยต่อรายรายละประมาณ 5,000 ถึง 140,000 บาท มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 300,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุด ศปอส.ตร.ชุดที่ 5 / PCT5) กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย ควรมีสติวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม กลโกง หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.