"สืบนครบาล" รวบ ใหม่คลองท่อม หนึ่งมวกเหล็ก ก้อยเชียงราย 3 บัญชีม้าคอลเซ็นเตอร์ หลอกยายวัย 82 โอนเงิน สูญกว่า 2.5 ล้าน
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รรท.
รอง ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล ระดมกำลังสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับใน 11 ราย ที่ถูกออกหมายจับกรณีเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ร่วมกันหลอกคุณยายวัย 82 ปี ให้โอนเงินรวมกว่า 20 ครั้ง สูญเงินกว่า 2,580,000 ล้านบาท เหตุเกิดท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูล
สวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น ,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.ฯ, ,พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.ฯรรท.ผกก.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯบก.สส.บช.น.ร่วมกับ พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ สารบุญ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม
1.นางสาวจิราวรรณ สายวิเศษหรือใหม่ คลองท่อม อายุ 35 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 83/7 หมู่ 2 ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.991/2566 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2566
2.นายมานะ เรืองฤทธิ์ หรือ หนึ่งมวกเหล็ก อายุ 22 ปี ที่อยู่ 261 หมู่ 4 ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.993/2566 ลงวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2566
3.น.ส.กัญญารัตน์ เพชรรักษ์ หรือก้อยเชียงราย อายุ 42 ปี ที่อยู่ 154 หมู่ 5 ตำบลแม่ลอย อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.994/66 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2566
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตน ว่าเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ ที่บิดเบื่อนและปลอม หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้ที่บริเวณหน้าบ้านหมู่ 2 ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ 2 ได้ที่บริเวณแคมป์คนงาน ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ 3ได้ที่บริเวณริมถนนสายเอเชีย ตำบลบ้านกรด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ในชั้นจับกุมใหม่ คลองท่อม ผู้ต้องหาที่ 1 ปฏิเสธว่าไม่ทราบถึงการหลอกลวงที่ปรากฎในพฤติการณ์ในคดี แต่ให้การรับสารภาพว่า เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2566 ได้มีเพื่อนได้มาชักชวนให้ตนเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย ไม่ทราบหมายเลขบัญชีให้เพื่อนคนดังกล่าวใช้ โดยให้เงินเป็นค่าเช่าบัญชีเดือนละ 700 บาท โดยปัจจุบันผู้ต้องหาได้รับเงินค่าตอบแทนดังกล่าวแล้วจำนวน 2,100 บาท และไม่สามารถติดต่อเพื่อนคนดังกล่าวได้อีก
ในชั้นจับกุมหนึ่งมวกเหล็ก ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การปฏิเสธ โดยกล่าวว่าเมื่อประมาณต้นเดือนกันยายน 2566 ได้เปิดบัญชีธนาคารเกียรตินาคินภัทร ทางออนไลน์ ด้วยโทรศัพท์มือถือ และผู้ต้องหาได้เปิดบัญชีธนาคารอื่นๆ อีกหลายบัญชีต่อมา ตนได้ทำโทรศัพท์มือถือ OPPO หายที่บ้านของป้า ม.4 ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งโทรศัพท์ได้ทำการผูกบัญชีธนาคารไว้ และรหัสแอปพลิเคชั่นธนาคารได้ถ่ายรูปเก็บไว้ในโทรศัพท์ ไม่ทราบว่าผู้ใดนำไปใช้ต่อหรือใช้ในการกระทำความผิด
ในชั้นจับกุม ก้อยเชียงราย ผู้ต้องหาที่ 3ให้การรับว่าได้รับจ้างเปิดบัญชีให้กับบุคคลที่ทักมาทางช่องทางเฟซบุ๊ก ตั้งแต่เมื่อประมาณปี 2565 ซึ่งตนนั้นจำได้ไม่แน่ชัด โดยบัญชีดังกล่าวที่ถูกนำมาใช้ในการกระทำความผิดนั้นตนนั้นได้ไปทำการเปิดเมื่อประมาณ เดือนกรกฎาคม 2565 เป็นบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงเทพ ไม่สามารถจำเลขบัญชีได้ พร้อมบัตรเอทีเอ็ม รวมจำนวน 2 บัญชี ได้ค่าจ้างเปิดบัญชีบัญชีละ 15,000 บาท โดยเมื่อเปิดบัญชีแล้ว ผู้ว่าจ้างได้แจ้งว่าให้ส่งสมุดบัญชีพร้อมบัตรเอทีเอ็มไปให้ที่ อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี โดยตนนั้นได้ส่งผ่านขนส่งเอกชน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่าหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย อีกทั้งแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า อย่าให้บัญชีธนาคารหรือเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นนำไปใช้เด็ดขาด เนื่องจากอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมอย่างมหาศาล ตลอดจนโทษกรณีการเปิดบัญชีม้า ณ ปัจจุบัน มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ(บัญชีม้าหากไม่แน่ใจหรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ