พาณิชย์ – DITP รุกหนักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยต่อเนื่อง
ประเดิมตลาดแรกของปีในงาน Hong Kong FILMART 2024
คาดสร้างมูลค่าเจรจาการค้า 800 ล้านบาท
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์บูรณาการร่วมกันระหว่าง กระทรวงวัฒนธรรม
และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดทัพผู้ประกอบการธุรกิจภาพยนตร์และบริการที่เกี่ยวเนื่อง 27 ราย พร้อมด้วยสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ และสมาคมส่งเสริมคอนเทนต์วายไทย เตรียมลุยตลาดแรกของปีภายในงานแสดงสินค้า Hong Kong International Film & TV Market 2024 (FILMART) ณ เมืองฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 11 – 14 มีนาคม 2567 เพื่อผลักดันคอนเทนต์ไทยส่งออกไปยังตลาดโลก ตามนโยบายซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยกรมฯ สนับสนุนการจัด
เจรจาการค้า ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าการเจรจาการค้าไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า “กระทรวงพาณิชย์ โดยท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย มีนโยบายในการร่วมขับเคลื่อนการส่งออกและ
เร่งผลักดันพลังสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมหรือซอฟต์พาวเวอร์สู่การค้าอย่างเป็นรูปธรรมตามที่รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยภาพยนตร์ถือเป็นหนึ่งใน 11 อุตสาหกรรมเป้าหมายซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ที่กระทรวงพาณิชย์มุ่งเน้นสร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยสู่การเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์อันดับต้นของเอเชีย ตลอดจนเป็นหุ้นส่วนธุรกิจหรือผู้ให้บริการกับอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงต่างประเทศ ผลักดันการขยายตลาดและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก”
“กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบจึงเตรียมนำผู้ประกอบการธุรกิจภาพยนตร์และบริการที่เกี่ยวเนื่อง ที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ 27 ราย พร้อมด้วยสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ และสมาคมส่งเสริมคอนเทนต์วายไทย เดินทางไปร่วมงาน Hong Kong FILMART 2024 ซึ่งเป็นเทศกาลภาพยนตร์และตลาดซื้อขายคอนเทนต์แรกของปี 2024 ที่ทุกประเทศในวงการอุตสาหกรรมคอนเทนต์ต่างให้ความสำคัญในการเข้าร่วม เนื่องด้วยเป็นตลาดนานาชาติ
ที่สำคัญที่จะเผยให้เห็นถึงทิศทางของตลาดโลกและแนวโน้มอุตสาหกรรมคอนเทนต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ต่อเนื่องไปยังเทศกาลภาพยนตร์อื่นๆ ทั่วโลกต่อไปได้เป็นอย่างดี จุดเด่นที่สำคัญของ Hong Kong FILMART คือเข้าถึงตลาดจีนที่มีกำลังซื้อและการลงทุนสูงเป็นอันดับต้นๆ”
“สำหรับปีนี้ กรมฯ ขนกองทัพผู้ประกอบการธุรกิจบันเทิงไทยที่หลากหลายประเภทธุรกิจเข้าร่วมงาน FILMART 2024 เพื่อโชว์ศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ครอบคลุมความต้องการของตลาดโลก โดยมีผู้ประกอบการไทยได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 27 บริษัท 2 สมาคม ประกอบด้วยกลุ่มบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และแอนิเมชัน (Film Production and Distribution) จำนวน 9 บริษัท ได้แก่ 1) บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด 2) บริษัท เดอวอร์เรนท์
พิคเจอร์ จำกัด 3) บริษัท ไนท์ เอดจ์ พิคเจอร์ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด 4) บริษัท แบล็ค ดรากอน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด 5) บริษัท ฟิล์ม เฟรม โปรดักชั่น จำกัด 6) บริษัท เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม จำกัด 7) บริษัท เวลเคิร์ฟ จำกัด 8) บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 9) บริษัท ฮอลลีวู้ด (ไทยแลนด์) จำกัด กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรายการและละครโทรทัศน์ (Television Content and Formats) จำนวน 10 บริษัท ได้แก่ 1) บริษัท ๙ หน้า โปรดักชั่น จำกัด 2) บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด 3) บริษัท เช้นจ์2561 จำกัด 4) บริษัท ทรู ซีเจ ครีเอชั่นส์ จำกัด 5) บริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) 6) บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด (เวิร์คพอยท์ กรุ๊ป)
7) บริษัท บี ออน คลาวด์ จำกัด 8) บริษัท สตาร์ ฮันเตอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด 9) บริษัท สตูดิโอ วาบิ ซาบิ จำกัด 10) บริษัท เฮโล โปรดักส์ชั่น จำกัด นอกจากนี้ ยังมีบริการเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Production and Post Production Services) มีผู้ประกอบการเข้าร่วม จำนวน 8 บริษัท ได้แก่ 1) บริษัท กันตนา โฮลดิ้งส์ จำกัด 2) บริษัท เดอะ สตูดิโอ พาร์ค (ประเทศไทย) จำกัด 3) บริษัท เดอะมั้งค์ สตูดิโอ จำกัด 4) บริษัท เบนีโทน ฟิล์มส์ จำกัด 5) บริษัท เรติน่า ฟิล์ม โปรดักชั่น จำกัด 6) บริษัท ล๊อคแมน2011 จำกัด 7) บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 8) บริษัท แอ็กซ์ สตูดิโอ จำกัด โดยคาดหวังว่าจะสร้างมูลค่าเจรจาการค้าไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท”
ทั้งนี้ Hong Kong International Film & TV Market (FILMART) นับเป็นงานภาพยนตร์ระดับนานาชาติที่มีความสำคัญ และเป็นตลาดซื้อขายคอนเทนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยแต่ละปีจะมีบุคคลในธุรกิจบันเทิงและมีผู้ซื้อที่มีความต้องการซื้อภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์รวมถึงการบริการด้านภาพยนตร์ให้ความสนใจและเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 7,000 ราย ซึ่งการเข้าร่วมงานจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องไทยสู่ตลาดโลก และสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างยั่งยืน