สทท. ชงรัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นหลังน้ำลด ระยะสั้นหนุน "เที่ยวคนละครึ่ง" ระยะยาวตั้งคณะกรรมการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไตรมาส 3/2567
โดยมี นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศ (สทท.) นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน Smart Tourism สทท. และรองศาสตราจารย์ผกากรอง เทพรักษ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ร่วมแถลง
โดยมีเจตนา นางสมทรง สัจจาภิมุข รองประธาน สทท. นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ รองประธาน สทท. นายธเนศ วรศรัณย์ ประธานคณะกรรมการท่องเที่ยว สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการ สทท. รวมทั้งสื่อมวลชนร่วมงาน ณ ห้องประชุม TAT Intelligence Center ชั้น 17 อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมื่อวันพุธที่ 9 ตุลาคม 2567
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ระดับ 68 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมามาก และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากไตรมาสนี้เป็นช่วง Low Season ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อำนาจการซื้อของผู้บริโภคชาวไทยลดลง และเกิดสภาวะอุทกภัยในหลายพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยการคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 4/2567 ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 80 สูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว จากการมียอดจองล่วงหน้าในช่วง High Season และการมีไฟล์ทบินเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี
ในเชิงรายได้ ร้อยละ 82 ของสถานประกอบการยังมีรายได้น้อยกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โรงแรมร้อยละ 54 ยังมีรายได้น้อยกว่าปี 2562
โดยร้อยละ 75 ของโรงแรมขนาดใหญ่มีรายได้ใกล้เคียงหรือดีกว่าก่อนโควิด19 ในขณะที่ร้อยละ 92 ของโรงแรมขนาดเล็กยังมีรายได้ลดลง ด้านความช่วยเหลือ ประชาชนร้อยละ 95 ต้องการให้รัฐบาลช่วยลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และแก๊สหุงต้ม ร้อยละ 80 อยากให้รัฐบาลปล่อยกู้เงิน 10,000 บาท ปลอดดอกเบี้ย ร้อยละ 60 อยากให้มีโครงการคนละครึ่ง
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศ (สทท.) กล่าวว่า จากสภาวะวิกฤตน้ำท่วมได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ในระยะสั้น สทท.ขอเสนอให้รัฐบาลอนุมัติโครงการเที่ยวคนละครึ่ง เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งเมืองที่ได้รับผลกระทบและเมืองน่าเที่ยว
นอกจากนี้ยังต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นทั้งด้านความพร้อมหลังน้ำลด และความปลอดภัยหลังเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัส ในระยะกลางและยาว ต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการท่องเที่ยว สทท. ขอเสนอให้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยว เพื่อยกระดับความปลอดภัย ยั่งยืนและ Storytelling ซึ่งยังเป็นความท้าทายสำคัญของการท่องเที่ยวไทย
โดยปัจจุบัน สทท. กำลังเร่งยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เป็นผู้นำด้านความยั่งยืน โดย สทท.ได้จับมือกับ SME D Bank และ ททท. ขับเคลื่อนโครงการ Green Productivity เติมความรู้ควบคู่การเติมทุนผ่าน Green Loan 15,000 ล้านบาท เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพิ่มมูลค่า ลดการใช้ทรัพยากรและมีประสิทธิภาพในการให้บริการที่ดีขึ้น
ด้าน นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน Smart Tourism สทท. กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากเรื่อง Safety และ Sustainability ที่ท่านประธาน สทท. ได้กล่าวไว้แล้ว สทท. ยังมีนโยบายส่งเสริมเรื่อง Storytelling โดยมุ่งเน้นการเล่าเรื่องเสน่ห์เมืองไทยผ่าน Softpower ต่าง ๆ โดยใช้ Influencer ร่วมกับ Digital Platform ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มตลาดเฉพาะแบบมุ่งเป้า ตามชาติ วัย และ Lifestyle เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำมากขึ้น
นายชำนาญกล่าวเสริมว่า ปี 2567 นี้ รายได้ท่องเที่ยวรวมคาดว่าอยู่ที่ 2.7-2.8 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.5-36.5 ล้านคน โดยปีหน้า สทท. ตั้งเป้ารายได้ที่ 2.9-3.1 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็น New High จากนักท่องเที่ยว 38-40 ล้านคน
โดยสทท. มุ่งเน้นที่การกระจายนักท่องเที่ยวให้สมดุลเชื่อมเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว การสร้างตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ที่ใส่ใจต่อสุขภาพ สังคมและสิ่งแวดล้อม มีการใช้จ่ายต่อทริปที่สูงขึ้น และการสร้าง Man-made / Community และ Event เพื่อลดการพึ่งพาธรรมชาติและกระจายรายได้ชุมชนท้องถิ่นและผู้ประกอบการ SME และทีสำคัญคือ การจัด Tourism Mega Event ในไทย ระดับ ITB / WTM เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำของโลกด้านการท่องเที่ยว