โรงพยาบาลวิภาวดี จัดกิจกรรม “Dengue Zero” ภายใต้ Concept “ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องป้องกัน”
โรงพยาบาลวิภาวดี จัดกิจกรรม “Dengue Zero”ภายใต้ Concept “ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องป้องกัน” ในวันที่ 28 มกราคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์ชวนประชาชนสร้างความตระหนักรู้ในโรคไข้เลือดออกและ อันตรายของโรคไข้เลือดออก “ต่อให้คุณดูแลตัวเองจนแข็งแรง แค่ไหนก็เสี่ยงที่จะติดไข้เลือดออก และมีอาการรุนแรงได้” ทำให้โรงพยาบาลวิภาวดี
พร้อมเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ช่วยลดภาระทางด้านสาธารณสุข พร้อมสนับสนุนให้ประชาชนชาวไทย สามารถเข้าถึงหรือรับทราบความรู้ที่เกี่ยวข้องกับโรคไข้เลือดออก อันตรายของโรคไข้เลือดออกรวมถึงวิธีป้องกัน 5ป 1ข พร้อมให้บริการประชาชน ให้เข้าถึงรับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก เพื่อป้องกันตนเองและครอบครัว ให้ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออก
คุณนิคม ไวยรัชพานิช ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด มหาชน กล่าวว่า ด้วยภาวะโลกร้อน สภาวะอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มีอุณหภูมิสูงขึ้นทุกปี ซึ่งยุงลายจะอาศัยและแพร่พันธุ์ได้ดี ในประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น จึงทำให้มีการกระจายพื้นที่ของยุงลายเพิ่มขึ้น ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออก เพิ่มสูงขึ้นมากโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่มีความรุนแรง หากวินิจฉัยหรือได้รับการรักษาที่ไม่ทันท่วงที จะเกิดการสูญเสียได้ ดังนั้น ความร่วมมือกันทั้ง จากภาครัฐและเอกชนในการสร้างความตระหนักรู้ ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก รวมถึงแนวทางการป้องกันต่างๆ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
โรงพยาบาลวิภาวดีมีพันธกิจมุ่งมั่นและพร้อมยกระดับการบริการ ด้านสุขภาพให้ประชาชน ได้เข้าถึงบริการด้านสุขภาพ จึงเล็งเห็นความสำคัญ ในการสร้างความตระหนักรู้ในไข้เลือดออก ให้กับประชาชนทั่วไปได้รับทราบทั่วกัน ผ่าน กิจกรรม“Dengue Zero”ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องป้องกัน “ เพื่อชี้ให้เห็นว่า การป้องกันดีกว่าการรักษา ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการกำจัดยุงลาย การป้องกันยุงลายกัด จนถึงการรับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่ง ในแนวทางการป้องกันไข้เลือดออกที่มีประสิทธิภาพ
นพ.ธณัติ อุ่นสินมั่น อายุรแพทย์ด้านโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลวิภาวดี กล่าวถึงวิธีสังเกตุอาการของไวรัสเด็งกี ดังนี้
1. ระยะไข้สูง ผู้ป่วยจะมีไข้สูงประมาณ 2 – 7 วัน ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน บางรายอาจมีอาการของ ระบบทางเดินหายใจ เช่น นํ้ามูก ไอมีเสมหะได้ ซึ่งหากพบผู้ป่วยที่มีอาการใกล้เคียงกับข้างต้น ไม่แนะนำให้ซื้อยารับประทานเอง แต่ควรพาไปพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรคและเข้าสู่กระบวนการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
2. ระยะวิกฤติ ในระยะนี้จะไม่มีไข้ มีอาการอ่อนเพลีย ไม่อยากรับประทานอาหาร บางรายมีอาการซึม ไม่สามารถทำกิจกรรมตามปกติ บางรายมีปวดท้องรุนแรง ซึ่งอาการเข้าสู่ภาวะช๊อก (IMPENDING SHOCK)คือ มือเท้าเย็น กระสับกระส่าย ตัวเย็น ตัวลาย สีผิวคล้ำลง ปัสสาวะน้อยลง ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะมีสติดี พูดจารู้เรื่อง ภาวะช๊อกส่วนใหญ่เกิดจากมีการรั่วของพลาสมา ออกนอกหลอดเลือดทำให้ความเข้มข้นของเลือดเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความดันโลหิตที่ต่ำลง ในบางรายภาวะช๊อกอาจจะเกิดจากการที่เลือดออกในอวัยวะที่สำคัญ อาจจะส่งผลรุนแรงทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
3.ระยะพักฟื้น กรณีผู้ป่วยรับการรักษาแล้ว แพทย์ให้กลับบ้านได้ควรดูแล และปฏิบัติตนต่อไปคือไม่ควรให้ถูกยุงกัดภายใน 5 วันแรกของโรค เพราะผู้ป่วย ยังมีไวรัสเด็งกีอยู่ในเลือด ทําให้แพร่เชื้อไปให้คนอื่นได้ หากมีคนในบ้านมีไข้สูง ให้พามาตรวจและเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และผู้ป่วยต้องระมัดระวังภาวะเลือดออกต่อไปอีก 1 สัปดาห์
การรักษาในปัจจุบัน ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกยังไม่มียาต้านไวรัส เป็นการรักษาตามอาการเท่านั้น ภายใต้ Concept “ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องป้องกัน” ต่อให้คุณดูแลตัวเองจนแข็งแรง แต่ก็เสี่ยงที่จะติดโรคไข้เลือดออกได้ และรุนแรงได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวจะยิ่งรุนแรง นอกจากมีวิธี 5ป 1ข แล้ว ปัจจุบันยังมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก ซึ่งป้องกันได้ 80 – 90% ประสิทธิภาพสูง กันรุนแรง กันนอนโรงพยาบาล วัคซีนมีความปลอดภัย ฉีดได้ตั้งแต่เด็ก อายุ 4 ขวบปี ขึ้นไป ฉีดแค่ 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน
ภายในงาน “Dengue Zero” ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องป้องกัน ได้มีนักกีฬาแบดมินตัน เหรียญเงินโอลิมปิก ปี 2024 อย่าง น้องวิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มาร่วมพุดคุยในเรื่องการดูแลตนเอง ให้ห่างไกลจากไข้เลือดออก “ เพราะเป็นนักกีฬา ที่ต้องแข่งกีฬาระดับนานาชาติหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องเดินทางไปหลายประเทศ ซึ่งบางประเทศก็เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูง และในบางครั้ง ในช่วงซ้อมหรือออกกำลังกาย นั้นไม่รู้ว่าจะโดนยุงกัดเมื่อไร และตัวผมเองก็ไม่สามารถป้องกันยุงลายได้ตลอดเวลา หรือบางทียุงกัดขณะที่เราไม่รู้ พอรู้ว่าปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก ซึ่งมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ก็รู้สึกดีใจที่พวกเราจะปลอดภัยจากโรค เพราะไข้เลือดออกใกล้ตัวและน่ากลัวกว่าที่คิด”
และได้มี YouTuber สายอาหาร ผู้ติดตามทางเพจกว่า 600,000 คน อย่าง คุณเกี้ยแซ่บบ ณธกฤต กาญจนมัณฑนา มาร่วมพูดคุยในเรื่องการดูแล ปกป้องตนเองและครอบครัวให้ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออก “ผมเป็น YouTuber สายอาหารที่ต้องเดินทางไปถ่ายคลิปทุกพื้นที่ ทั้งในส่วนกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดซึ่งในบางพื้นที่ก็มีความเสี่ยงสูง ระหว่างถ่ายคลิป ก็ไม่รู้ว่าจะโดนยุงกัดเมื่อไร และทางด้านครอบครัว ผมได้มีการดูแลคุณแม่และคนในครอบครัว และที่สำคัญ ถ้าผมถูกยุงกัดและมีเชื้อไวรัสเด็งกีในเลือด ยุงในบ้านก็สามารถกัดผม และนำเชื้อนี้ไปสู่คุณแม่และคนในครอบครัวได้ เนื่องจากเป็นคนไข้โรงพยาบาลวิภาวดีอยู่แล้ว ทราบว่ามีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกที่มีประสิทธิภาพสูง จึงรู้สึกดีใจมากที่ พวกเราทั้งครอบครัวจะปลอดภัยและห่างไกลจากโรคไข้เลือดออก”
สำหรับวิธีการป้องกันครอบครัวให้ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออกสามารถเริ่มได้ด้วย ตัวเองง่ายๆ ได้แก่ การป้องกันไม่ให้ยุงกัด การลดประชากรยุงในบริเวณที่อยู่อาศัยโดยการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง อาทิ ลดแหล่งนํ้า ที่จะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุง ใช้มุ้งหรือติดตั้งมุ้งลวดกันยุงในบ้าน การสวมเสื้อผ้าให้มิดชิดขณะทำกิจกรรมนอกบ้าน เป็นต้น ขณะเดียวกันในวงการการแพทย์ก็ได้มีการพัฒนา นวัตกรรมในการป้องกันโรคอย่างวัคซีน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ โดยวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกชนิดใหม่นี้ สามารถฉีดได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีอายุ 4 ปีขึ้นไป โดยวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ประมาณร้อยละ 80 ป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้ประมาณร้อยละ 90 และสามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคยเป็น และไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน ไม่ต้องตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด ซึ่งผลข้างเคียงที่พบ เป็นเพียงผลข้างเคียงทั่วไป ได้แก่ มีไข้ ปวดหัว อาการปวดตรงตำแหน่งที่ฉีดวัคซีน ปวดกล้ามเนื้อ โดยส่วนมากมักหายได้เอง ภายในเวลา 1-3 วัน
สำหรับผู้ที่สนใจเข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ทางหน้า Website ของโรงพยาบาลวิภาวดี https://www.vibhavadi.com ติดต่อ Call Center โทร 02 561 1111 ต่อ 2222 - 2224 หรือ Add Line : @vibhavadihospital
#โรงพยาบาลวิภาวดี #ไข้เลือดออก #วัคซีนไข้เลือดออก #DengueZero #ยิ่งไม่รู้ยิ่งต้องป้องกัน