กลุ่มเครือข่ายเหยื่อเมาไม่แล้วขับ ออกแถลงการณ์ ...
เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐบาลกำหนดนโยบายที่เป็นภัยอันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชนบนท้องถนน กลุ่มเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่รับผิดชอบของคนในสังคมที่จงใจฝ่าฝืนกฎหมายเมาแล้วขับ สร้างความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ หลายครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาด หมดสิ้นซึ่งอนาคตกลายมาเป็นคนพิการ แต่ด้วยสำนึกในฐานะพลเมืองและในฐานะคนพิการผู้สูญเสีย พวกเราตระหนักถึงภัยอันใหญ่หลวงจากพฤติกรรมการเมาแล้วขับ
ปี พ.ศ.2544 พวกเราจึงรวมตัวกันจัดตั้งเป็นเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ โดยเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับในจังหวัดต่าง ๆ มีภารกิจหลัก คือ 1.การรณรงค์และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับ
2.การเดินสายบรรยายถึงผลกระทบจากการเป็นเหยื่อจากการเมาแล้วขับให้กับประชาชนทุกหมู่เหล่าได้รับรู้
3.การเคลื่อนไหวให้รัฐบาลสนับสนุนกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางถนนในทุกมิติ
4.การช่วยเหลือให้คำแนะนำเหยื่อเมาแล้วขับรายใหม่ให้ได้รับทราบถึงสิทธิอันพึงได้ และให้กำลังใจเพื่อเดินหน้าต่อสู้ในฐานะเป็นคนพิการอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรีในสังคม
ซึ่งตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับได้มีโอกาสขับเคลื่อนการทำงานผ่านมาหลายรัฐบาล
หลายนายกรัฐมนตรี ไล่เรียงไปตั้งแต่สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มาถึงยุคของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
เป็นนายกรัฐมนตรี
นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
7 หัวหน้ารัฐบาล 7 นายกรัฐมนตรีที่กล่าวนามมาข้างต้น ระยะเวลาการบริหารงานสั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่สิ่งที่นายกรัฐมนตรี
7 ท่านนี้ไม่เคยทำและไม่มีนโยบายที่ทำ คือการกำหนดหรือผลักดันนโยบายที่เป็นภัยคุกคามความปลอดภัยทางถนนของพี่น้องประชาชน โดยนำข้ออ้างทางเศรษฐกิจมาเป็นเหตุผลในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว พิจารณาได้จากในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ปี พ.ศ.2544-2549 ตลอดช่วงเวลา 6 ปีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้อนุมัติให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ขึ้น ในประเทศไทยจนเป็นรากฐานการรณรงค์และการบังคบใช้กฎหมายเพื่อความปลอดภัยทางถนนตราบถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นแล้วในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2549 รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกประกาศห้ามสถานีบริการน้ำมันขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วประเทศ จาก 2 นโยบายดังกล่าวก่อให้เกิดคุณูปการอันใหญ่หลวงในการลดปัจจัยเสี่ยงทางถนนในประเทศไทย
ครั้งมาถึงยุคพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มโทษคนเมาแล้วขับ
จากโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000 -10,000 บาท เพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สมัยนายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ออกกฎหมายกำหนดให้รถสาธารณะแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2554 สมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรถตู้ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พอมาสมัยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งของ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยาวนานถึง 9 ปี ประกอบกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ฟังเสียงของประชาชนและกลุ่มคนทำงานที่รณรงค์ความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนอันเกิดจากแอลกอฮอล์ มากกว่าฟังเสียงเรียกร้องจากกลุ่มทุนแอลกอฮอล์ทั้งคนไทยและต่างชาติ เนื่องจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นว่าประเทศไทยประสบปัญหาจากแอลกอฮอล์มากพออยู่แล้ว ดังนั้นนโยบายใดๆที่ไปเพิ่มปัญหา รัฐบาลจะไม่พิจารณาให้การสนับสนุนทั้งทางตรง ทางอ้อม เหตุนี้ตลอด 9 ปีที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงมีกฎหมายปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยบนท้องถนนมากมาย อาทิเช่นออกกฎหมายลดปริมาณแอลกอฮอล์ในกลุ่มเด็กเยาวชน จาก 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ กรณีเมาแล้วขับ
แก้กฎหมายประกันภัย กำหนดให้ผู้ทำประกันภาคสมัครใจ (ชั้น 1) เมื่อขับขี่และเกิดอุบัติเหตุต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายได้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จากเดิมกฎหมายอนุญาตให้ถึง 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หากใครมีเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ บริษัทประกันภัยจะไม่ให้การคุ้มครองความเสียหาย
แก้ไขพรบ.จราจรทางบก กำหนดบทลงโทษผู้ปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์ (เมาไม่เป่า) จากเดิมโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท เป็นมีโทษเท่ากับเมาแล้วขับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รวมถึงยังมีการประกาศให้วันที่ 21 มกราคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่แพทย์หญิงวราลัคน์ สุภัตวัตรจริยากุล ( หมอกระต่าย ) ถูกรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจชนเสียชีวิตทางม้าลาย ตรงบริเวณถนนพญาไท ให้เป็นวันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน
เพื่อร่วมรำลึกถึงหมอกระต่าย และร่วมกันรณรงค์ให้รถหยุดให้คนข้ามทางม้าลาย
ดังจะเห็นได้ว่านายกรัฐมนตรียุคพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ที่เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับก่อตั้งจนมาถึง พ.ศ.2566 สมัยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จำนวน 7 นายกรัฐมนตรี ไม่ปรากฎว่ามีนายกรัฐมนตรีคนไหนผลักดันนโยบายที่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนบนท้องถนนเลย
จนกระทั่งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 มีการเลือกตั้งทั่วไป และรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นโยบายที่เป็นภัยคุกคามความไม่ปลอดภัยทางถนนของคนไทย จึงถือกำเนิดขึ้น คือการอนุญาตให้
5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ จังหวัดชลบุรี จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) เปิดสถานบันเทิงได้
ถึงเวลาตี 4 จากผลการดำเนินนโยบายดังกล่าวผ่านมา 1 ปีกับ 3 เดือน ผลสรุปอุบัติเหตุใน 5 พื้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 30 % ภายหลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่งจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ทายาทของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีผู้มีนโยบายที่ส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยทางถนนในหลายมิติในสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นระยะเวลา 6 ปี แต่สิ่งที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำสวนทางกับสิ่งที่บิดาทำอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพยายามจะผลักดันนโยบายให้สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในวันพระใหญ่ 5 วัน ให้ประชาชนสามารถสั่งซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางออนไลน์ได้ รวมถึงการยกเลิกการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลา 14.00-17.00 น. และให้ขายในโรงแรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยให้มีผลภายในเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 นี้
พวกเราเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับจึงออกแถลงการณ์คัดค้านนโยบายดังกล่าว ของรัฐบาลภายใต้การนำของ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เนื่องจากนโยบายที่รัฐบาลจะขับเคลื่อนให้เกิดผลในทางปฏิบัติในเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 นี้
จะก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าผลดีทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลมุ่งหวัง
พวกเราเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับในฐานะเหยื่อผู้สูญเสีย จึงขอแถลงการณ์วิงวอนไปยังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นผู้นำประเทศที่ดี ต้องยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศเป็นสำคัญ นโยบายใด ๆ ที่ก่อให้เกิดผลเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ รัฐบาลต้องพึงงดเว้น
นโยบายเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. ที่ออกในสมัยรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ พิสูจน์ให้เห็นถึงความล้มเหลวทั้งก่อนประกาศนโยบาย ซึ่งรัฐบาลยืนยันหนักแน่นว่ามีแผนรองรับ แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้ทำเลย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้มาใช้บริการก่อนกลับบ้าน การจัดหาคนขับรถส่งคนเมากลับบ้าน การจัดที่พักให้กับคนที่เมาจนไม่สามารถขับรถได้ ฯลฯ
ในที่สุดนโยบายเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. แทนที่จะส่งเสริมให้เกิดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามที่รัฐบาลมุ่งหวัง กลับสร้างปัญหาให้กับแพทย์ พยาบาล หน่วยกู้ภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องมาจัดการเรื่องอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ
ดังนั้นโยบายอนุญาตให้ขายเหล้าในวันพระใหญ่ 5 วัน
นโยบายให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางออนไลน์ได้
นโยบายให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในเวลา 14.00-17.00 น. นโยบายให้โรงแรมขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ 24 ชั่วโมง
จึงเป็นนโยบายที่จะสร้างปัญหาให้กับสังคมไทยในอนาคตต่อไป
จึงขอเรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลล้มเลิกนโยบายดังกล่าวเสีย