ผู้บริหาร บริษัท เนแรค อาร์มส อินดัสตรี จำกัด ยืนยันการผลิตชนวนท้ายฝีมือคนไทยใกล้สำเร็จ บริษัทมุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ผู้นำส่งออกอาวุธ นำรายได้เข้าประเทศ
พลเรือเอก สุพพัต ยุทธวงศ์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เยี่ยมชม บริษัท เนแรค อาร์มส อินดัสตรี จำกัด เป็นบริษัทที่พัฒนาจากโรงงานผลิตแม่พิมพ์ขึ้นรูปพลาสติกและโลหะมาทำการผลิตชิ้นส่วนประกอบของลูกปืนขนาดต่างๆ ที่มีใช้ในส่วนของพลเรือนและในราชการกองทัพไทย และพัฒนาให้สามารถทำการผลิตกระสุนครบนัด ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงกลาโหมให้ทำการผลิตกระสุนปืนหลายขนาดเพื่อจำหน่าย
พลเอก วัฒนา นาราคาม ประธานกรรมการ บริษัท และคุณ สง่า เกี๋ยงคำ กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนแรค อาร์มส อินดัสตรี จำกัด ให้การต้อนรับ โดยรับฟังบรรยายสรุป เยี่ยมชมนิทรรศการ ผลงานของบริษัท ชมไลน์ผลิตชนวนท้าย ชมไลน์ผลิตโรงผลิตชิ้นส่วน ชมไลน์ผลิตโรงประกอบรวมกระสุนครบนัด และ ชมโรงทดสอบ
พลเอก วัฒนา นาราคาม ประธานกรรมการ บริษัท เนแรค อาร์มส อินดัสตรี จำกัด และคุณ สง่า เกี๋ยงคำ กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า บริษัทต้องการให้ประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์ด้านอาวุธฝีมือคนไทย เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ จึงหารือร่วมกันว่าจะต้องผลิตเครื่องกระสุนฝีมือคนไทย ซึ่งชิ้นแรกคือปลอกกระสุนปืนใหญ่ 105 มิลลิเมตร ใช้เวลาสองปีในการผลิต และให้ทางราชการทดลองซึ่งใช้ได้ผล และได้รับการรับรองว่าสามารถใช้ประโยชน์ในกองทัพได้ จากนั้นก็เริ่มพัฒนาสายการผลิตอย่างต่อเนื่อง มาเป็นเครื่องกระสุนปืนเล็ก
ปัจจุบันบริษัทพยายามวิจัยพัฒนา โดยพัฒนาชิ้นส่วนที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด มาสร้างเป็นอุตสาหกรรมของประเทศ ด้วยการสร้างต้นน้ำ ให้พึ่งพาตัวเองได้ 100 % โดยร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนผลิตเครื่องกระสุนใช้ในประเทศและส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งสามารถชดเชยการนำเข้าวัตถุจากต่างประเทศ ได้ 80% ประหยัดงบประมาณได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1000 ล้านบาท
ส่วนการผลิตชนวนท้าย ที่ต้องสั่งวัตถุจากต่างประเทศ 100 % ค่อนข้างยุ่งยากเนื่องจากภาวะสงคราม หากสามารถผลิตเองเป็นแบรนด์คนไทยก็จะส่งออกต่างประเทศได้ ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือความมั่นคง สร้างงานสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
ปัจจุบันมีใบสั่งซื้อจากหลายประเทศเป็นเงิน 2000 ล้านบาท ส่วนปัญหาที่ประสบอยู่ คือเรื่องข้อกฎหมายในการส่งออก ใช้เวลานาน จน ไม่มีความคล่องตัวในสายการผลิตที่ทำให้เกิดความล่าช้า ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้ง ปัญหาไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพราะอาวุธเป็นสินค้าต้องห้าม จึงอยากให้ภาครัฐให้การสนับสนุนในทุกด้านโดยเฉพาะเรื่องของกฎหมาย
ทั้งนี้ การที่บริษัทสามารถผลิตอาวุธโดยใช้วัตถุดิบที่ผลิตได้เองในประเทศ จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของเอกชนในการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ให้สามารถพึ่งพาตนเองเพื่อสนับสนุนราชการทหารและตำรวจทั้งในยามสงครามและยามปกติ รวมทั้งสามารถส่งออกไปต่างประเทศเพื่อเพิ่มดุลการค้าให้ประเทศไทยต่อไป